มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ

ตีนสู้ชีวิต สาวด้วน-แกร่ง ไม่ท้อโควิดทำขนมขาย

สาวพิการแขนกุดทั้ง 2 ข้างหัวใจแกร่ง ไม่ท้อ สู้โควิด-19 ใช้นิ้วเท้าหนีบแม่พิมพ์ทำขนมดอกจอกขายประทังชีวิต เพราะไม่ได้เงินเยียวยาเฟสแรก ชาวเน็ตแชร์คลิปทำขนมว่อน ต่างชื่นชมและให้กำลังใจ กระทั่งเปิดเฟส 2 ยื่นซ้ำได้รับเงินเยียวยาแล้ว อีกราย 2 ตายายสุดรันทดดูแลลูกสาวป่วยและหลาน

สาวอยู่เพิงพักสังกะสี ชีวิตรับจ้างทั่วไปและเก็บของเก่า ช่วงเกิดวิกฤติไม่มีใครจ้างทำงานรายได้ทรุดเป็นที่ฮือฮาชาวเน็ตแชร์กันว่อนในสื่อโซเชียล สาวพิการแขนกุดทั้ง 2 ข้าง หัวใจแกร่งสู้ชีวิต ถึงแม้นจะไม่ได้เงินเยียวยาจากรัฐบาล แต่ไม่ท้อยังทำขนมดอกจอกขาย โดยใช้นิ้วเท้าหนีบแม่พิมพ์ทองเหลือง จุ่มแป้งนำลงไปทอดจนกรอบอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังใช้นิ้วเท้าหนีบสากตำน้ำพริกให้ครอบครัวกิน ชาวเน็ตต่างชื่นชมและให้กำลังใจ โดยช่วงสายวันที่ 23 พ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านสาวพิการ พักอยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ 2 บ้านวังกระสวย ต.กฤษณา อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา พบ น.ส.ดอกคูณ เนียมใย อายุ 43 ปี สาวพิการแขนกุดทั้ง 2 ข้าง ขาขวาลีบเล็ก มีสีหน้ายิ้มแย้มนั่งอยู่ในบ้านกับญาติ

น.ส.ดอกคูณเปิดเผยว่า มีพี่น้องทั้งหมด 8 คน ตนเป็นคนสุดท้อง พิการมาตั้งแต่กำเนิด แต่ไม่ท้อในชีวิต เลิกรากับสามีมากว่า 6 ปี มีลูกชายวัย 14 ปี ตนพักอยู่ที่บ้านพี่สาว มีอาชีพถักกระเป๋าและหมวกขาย แต่รายได้ยังไม่พอใช้ ต้องทำขนมดอกจอกขาย มีชาวบ้านมาซื้อเพราะต้องการช่วยเหลือ หลังเกิดวิกฤติเชื้อโควิด-19 ระบาด รายได้หดหาย ยื่นเรื่องขอเงินเยียวยาจากรัฐบาลเฟสแรก ไม่ได้รับการอนุมัติ ชีวิตเริ่มลำบาก ลูกต้องกินต้องใช้ ขณะเดียวกัน ตนป่วยมีก้อนเนื้อร้ายอยู่ที่หน้าท้อง ต้องหาเงินไปรักษาตัวเอง แพทย์โรงพยาบาลเทพรัตน์ จ.นครราชสีมา นัดตรวจเดือน ก.ค.นี้

สาวพิการหัวใจแกร่งเปิดเผยอีกว่า ทุกวันนี้ ไม่ได้อยู่นิ่ง ต้องทำขนมให้ครอบครัวกินและขายไปบางส่วน โดยใช้เท้าหนีบอุปกรณ์ตัวแม่พิมพ์ จุ่มแป้งทอดในกระทะร้อนจนกรอบ ก่อนที่จะทำขนมต้องล้างเท้าให้สะอาด ชาวบ้านเห็นแล้วไม่รังเกียจ บางครั้งช่วยทำอาหารให้ครอบครัว ใช้นิ้วเท้าหนีบสากตำน้ำพริก และใช้มีดหั่นผัก ตนไม่คิดท้อในชีวิตจะสู้เพื่อลูก ภายหลังมีชาวบ้านถ่ายคลิปทำขนมไปเผยแพร่ ต่างมีคนให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก ต่อมาตนยื่นคำร้องขอเงินเยียวยาในเฟส 2 อีกครั้ง กระทั่งได้รับการอนุมัติ ขณะนี้ได้รับเงินรวม 10,000 บาท จะนำไปใช้จ่ายในครอบครัว

อีกรายนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ประธานทีมสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงานลงพื้นที่บริเวณริมคลอง 2 แขวงและเขตสายไหม กรุงเทพฯ เพื่อช่วยเหลือ 2 ตายายที่ต้องรับภาระเลี้ยงลูกสาวและหลานสาวที่มีอาการป่วย ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 กระทั่งพบเพิงสังกะสีอยู่ริมคลองอาศัยอยู่ 4 คน ประกอบด้วยนายบุญส่ง พึ่งมี อายุ 77 ปี นางสังเวียน ซ้อนศรี อายุ 75 ปี ด.ญ.รัชนี หรือน้องเค้ก พึ่งมี อายุ 12 ปี และนางสมพร พึ่งมี อายุ 48 ปี แม่น้องเค้ก พร้อมมอบข้าวสารอาหารแห้งและน้ำดื่มช่วยเหลือครอบครัว

นายบุญส่งเปิดเผยว่า อาศัยอยู่ที่เพิงสังกะสีมานานกว่า 20 ปี ต้องดูแลลูกสาวที่ป่วยเป็นคนสติไม่สมประกอบ และน้องเค้กเป็นเด็กมีพัฒนาสมองช้า ส่วนตนตามองเห็นแบบเลือนรางเนื่องจากเป็นต้อกระจก ปกติแล้วจะเดินเข็นรถออกไปเก็บของเก่าขาย และรับจ้างทั่วไปเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด-19 งานรับจ้างไม่มีเลย ยิ่งช่วงนี้ประกาศเคอร์ฟิวห้ามออกช่วงกลางคืน ทำให้ตนไม่สามารถออกไปเก็บของเก่ามาขายได้สาเหตุที่ต้องออกไปช่วงกลางคืน เพราะช่วงกลางวันรถขยะจะเก็บขยะทิ้งไปหมด

พ่อเฒ่าเปิดเผยชีวิตรันทดอีกว่า ครอบครัวมีหน้ากากอนามัยแบบผ้าเพียง 1 อัน จะออกไปไหนต้องผลัดกันใส่ ส่วนน้องเค้กเรียนอยู่ที่โรงเรียนประชานุกูล ชั้น ป.5 ช่วงปิดเทอมยังไม่มีรายจ่าย แต่ถ้าเปิดเทอมไม่รู้จะหาเงินที่ไหนให้หลานไปเรียนหนังสือ บางวันมีเงินติดตัวเพียง 40 บาท น้องเค้กจะไปช่วยงานที่วัดเจริญธรรมาราม เพื่อแลกข้าววัดกลับมาให้ครอบครัวได้กิน ส่วนเรื่องเงินเยียวยาที่ทางรัฐบาลจะให้ 5,000 บาท ตนไม่ทราบเรื่องเพราะไม่มีโทรศัพท์ใช้

ด้านนายเอกภพเปิดเผยว่า ครอบครัวตาบุญส่ง เป็นอีก 1 ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดโรคระบาดโควิด-19 ตนและกลุ่มของนักธุรกิจ พ่อค้า และประชาชนในเขตสายไหม มีความประสงค์จะช่วยเหลือผู้อื่นรวมตัวกันใช้ ชื่อ “สายไหม ต้องรอด” ทำมากว่า 2 เดือนแล้ว มอบหน้ากากอนามัยและ ถุงยังชีพให้กับชาวบ้านที่ตกงานและยากจน

ขอบคุณ : https://www.tddf.or.th/news/detail.php?contentid=0066&postid=0021097

ขอบคุณ… https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1851828


ย้อนกลับ