มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ

น้องซัน…ความหวังที่งดงามของพ่อแม่

น้องซัน…ความหวังที่งดงามของพ่อแม่

แม่น้องซัน ผู้เริ่มต้นจากความท้อแท้หมดกำลังใจที่มีลูกพิการเท้าแปผิดรูปมาแต่กำเนิด แต่ด้วยความรักมากมายที่มีต่อลูกน้อย แม่จึงไม่ยอมสิ้นหวังในตัวลูก พยายามเยียวยาจิตใจของตนเอง ยอมรับกับข่าวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิต โดยใช้เทคนิคการคิดบวกเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และทุ่มเทดูแลน้องซีนอย่างไม่เคยย่อท้อ จนถึงวันนี้ความหวังของแม่กำลังงอกงาม เมื่อน้องซีนเติบโตเข้าโรงเรียน เรียนหนังสือได้ดี สามารถช่วยเหลือตนเอง และดูแลตนเองได้เหมือนเด็กปกติ

 คิดถึงสิ่งที่ลูกทำได้

แม่น้องซันได้เปิดใจเล่าให้ฟังถึงความหดหู่ท้อแท้ สงสารลูก สงสารตนเอง การที่ต้องอดทนรับสภาวะเลี้ยงดูลูกที่มีความบกพร่องทางร่างกาย ซึ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับบุคลิกภายนอกที่ดูสดใสร่าเริงหัวเราะอารมณ์ดีอยู่เสมอในการร่วมกิจกรรมทุกกิจกรรมตลอดมา ซึ่งวิธีการที่แม่น้องซีนใช้สร้างกำลังใจให้ตนเองคือ การคิดถึงสิ่งที่ลูกจะทำได้ในอนาคต นั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้เลิกถอดใจ ลุกขึ้นสู้ไม่ยอมแพ้ ตั้งใจทำให้ดีที่สุดในทุกวัน โดยเข้ากลุ่มฟื้นฟู และพาน้องซันมาทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลสัปดาห์ละหนึ่งถึงสองครั้ง

“ไม่มีใครอยากให้ลูกเกิดมาพิการ ตอนแรกรู้สึกแย่มากๆ แอบร้องไห้คนเดียวตลอด รู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง คนส่วนใหญ่ญาติพี่น้องไม่เข้าใจหรอกว่าชีวิตของเราเป็นอย่างไร พอได้มาเข้ากลุ่มพบปะพุดคุยกับพ่อแม่คนอื่นๆ ได้เห็นเด็กคนอื่นๆ ที่มีความพิการซ้ำซ้อนมากกว่า เราเริ่มเข้าใจ ได้คิดว่าเมื่อลูกเกิดมาแล้ว ก็ควรทำทุกวันให้ลูกมีความสุข ไม่ทุกข์ เขาคือลูกเรา คือเลือดเนื้อของเรา ลองคิดถึงสิ่งที่ลูกทำได้ มองหากิจกรรมที่ทุกคนในครอบครัวทำร่วมกัน เมื่อลูกทำอะไรสำเร็จ แม้แต่ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ชมเชยให้ลูกเห็นว่าเราดีใจ”

 ยอมรับและฝ่าฟันไปด้วยกัน

ความหวังที่ยิ่งใหญ่ของแม่คือ อยากให้ลูกช่วยเหลือตัวเองได้ อยากให้ลูกได้เรียนหนังสือสูงๆ มีงานทำเลี้ยงดูตนเองได้ เมื่อเริ่มตั้งหลักคิดได้ว่า ไม่มีครอบครัวใดที่อยากมีลูกพิการ ดังนั้นเมื่อลูกมาอยู่ในครอบครัวแล้ว จึงต้องยอมรับในตัวลูก คนในครอบครัวทุกคนต้องพูดคุยกันให้เข้าใจเกี่ยวกับการมีลูกพิการ เพื่อให้ทุกคนยอมรับความจริงนี้ให้ได้ ความเข้าใจจะทำให้สามารถช่วยเหลือให้กำลังใจกันได้ต่อไป จากนั้นเริ่มมองหาตัวช่วยภายนอกครอบครัว เข้ารับคำปรึกษาแนะนำจากมูลนิธิเพื่อเด็กพิการ ได้รับการสนับสนุนด้านต่างๆ ทำให้ยิ่งมีพลังใจฮึดสู้มากยิ่งขึ้น

“ตอน 2 ขวบกว่าๆ เข้ากลุ่มทำกิจกรรมฐาน ทำกายภาพบำบัด นวดไทย แล้วก็ฝึกการเคลื่อนไหวแบบญี่ปุ่น(โดสะโฮ ) โดสะโฮหมายถึง การฝึกให้เด็กได้รู้จักการเคลื่อนไหวร่างกายของตนเอง โดยผู้ฝึกและเด็กใช้สัมผัสทางกายและจิตใจที่มีความสัมพันธ์กัน ซึ่งเป็นการฟื้นฟูอีกศาสตร์หนึ่งของประเทศญี่ปุ่น คิดว่าโดสะโฮช่วยลูกได้จริงๆ ฝึกไปประมาณ 4 – 5 เดือนเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง จากที่นั่งทรงตัวไม่ได้ ลูกสามารถนั่งได้ ก่อนหน้านี้น้องแค่ยิ้ม ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย คนเป็นพ่อเป็นแม่นั้นแค่เห็นลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามลำดับ แค่นี้ก็ถือเป็นของขวัญสุดพิเศษแล้ว”

พาลูกออกไปเรียนรู้โลกกว้าง

การมีลูกพิการอาจเป็นกำแพงขวางกั้นความรู้สึกทำให้แม่ไม่กล้าพาลูกออกสู่สังคม แต่เมื่อเปลี่ยนทัศนคติจนทลายกำแพงนั้นได้ การพาลูกออกไปสัมผัสโลกภายนอกเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาการเรียนรู้ของลูก

“ช่วงแรกๆ กลัวที่จะได้พบสายตาของคนที่มองแบบแปลกๆ บางคนก็เข้ามาซักถาม เริ่มแรกต้องทำใจยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น ไม่กลัวที่จะพาลูกออกไป ครอบครัวเราถึงแม้ว่าจะมีลูกพิการก็ไม่เป็นอุปสรรค ตรงกันข้ามกลับสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้นได้ เราโอบกอดสัมผัสกันและกัน ขับรถพาลูกไปเที่ยวนอกบ้านด้วยกันเสมอ กิจกรรมที่ทำร่วมกันส่งผลให้คนในครอบครัวเข้าใจความหมายของคำว่า ‘เข้าใจในสิ่งที่ลูกเป็น’ การพาลูกออกไปข้างนอกสำคัญมากที่สุด เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ของลูกให้ดีขึ้น แล้วเราทำให้ทุกวันเป็นวันกิจกรรมระหว่างแม่ลูกและครอบครัว ไม่ว่าจะพากันไปกินข้าวนอกบ้าน ไปเดินห้างสรรพสินค้า ไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง แลกเปลี่ยนพูดคุยความเปลี่ยนแปลงของลูก”

 ตั้งหลักเร็วช่วยลูกได้เร็ว

สำหรับพ่อแม่ของเด็กพิเศษ สิ่งที่ควรมีอย่างแรกคือ การเปิดใจ ต่อมาคือ เปิดโอกาสตัวเองในการเพิ่มเติมประสบการณ์ เพื่อนำความรู้มาใช้ในการดูแลฟื้นฟูลูก แม่น้องซันจึงไปทุกที่ที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการฟื้นฟูลูกพิการ ศึกษาจากการอ่านหนังสือ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนๆ ในกลุ่ม

ผลจากการดูแลพัฒนาลูกอย่างมีความหวังตลอดมา จากเด็กที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เดินไม่ได้ สูญเสียการทรงตัวจากเท้าแปผิดรูป ปัจจุบันน้องซีนสามารถเดินได้ ช่วยตัวเองได้ทุกอย่าง สามารถไปโรงเรียน เรียนรู้ได้ อ่านออกเขียนได้ สอบได้คะแนนดีลำดับต้นๆ โดยมีคุณครูช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสระแก้วรัตนวิทย์ อ.ท่าศาลา จ. นครศรีธรรมราช คุณครูให้ข้อมูลว่าน้องซีนเป็นเด็กดีมีน้ำใจ ตั้งใจเรียนร่วมกิจกรรมดี เป็นที่รักของครูและเพื่อนๆ และมักเป็นผู้นำในการแสดงออก

“น้องซีนคือความหวังของแม่ คือแรงบันดาลใจในการสู้ต่อ หากแม่ท้อในวันแรก ลูกก็คงจะไม่มีวันนี้”แม่น้องซีนกล่าวถึงบทสรุปของเรื่องราวแห่งความหวังไว้อย่างน่าประทับใจ


ย้อนกลับ