มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ

ทางเลือกเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของลูก

ทางเลือกเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของลูก

          แม่ติ๋ว คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลน้องนริส ลูกน้อยพิการด้วยตนเอง แม่ผู้ไม่ยอมพ่ายแพ้แก่ชะตากรรม ด้วยความเชื่อที่ว่าเมื่อเลือกแล้วที่จะดูแลลูก ยังมีทางให้เลือกเดินเสมอ ชีวิตเพียงเดินทางมาถึงทางแยก ไม่ใช่การเดินมาถึงทางตัน ลูกยังมีโอกาสที่จะฟื้นฟูพัฒนาจนมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคตได้ ขอเพียงแม่เปิดรับโอกาสแล้วเลือกเส้นที่มีคุณภาพที่สุดให้กับลูก

คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว

          เมื่อยอมรับเส้นทางชีวิตการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวได้แล้ว แม่ติ๋วยืนหยัดเลี้ยงดูลูกชายคนเดียวอย่างทนุถนอม คอยสังเกตพัฒนาการของลูกน้อยตามวัย จนกระทั่งพบว่าลูกมีพัฒนาการผิดปกติจากเด็กทั่วไป

          “เชื่อว่าพระองค์มอบลูกให้กับเรา การยอมรับในสิ่งที่เราได้รับเป็นบุญของชีวิต คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะใช้ชีวิตได้ พ่อของลูกจากไปตั้งแต่น้องยังไม่เกิด แม่ทำใจยอมรับที่จะเลี้ยงลูกชายคนเดียวได้แล้ว จนอายุสี่เดือนน้องยังไม่ชันคอ คออ่อนปวกเปียก พัฒนาการช้ากว่าวัย แม่พาน้องไปรับวัคซีนและตรวจวัดระดับพัฒนาการ หมอนัดฟื้นฟูก็ไปรับการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง แต่แม่ก็รู้สึกท้อมาก โชคดีที่ได้ทุกคนในครอบครัวให้กำลังใจ ช่วยดูแลคอยช่วยเหลือ เนื่องจากเราอยู่กันเป็นครอบครัวขยาย 7 คน”

รับโอกาสในการฟื้นฟูลูก

          แม่หญิงได้เข้าร่วมกลุ่มฟื้นฟู เนื่องจากมีเพื่อนในละแวกบ้านเป็นสมาชิกศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ชักชวนให้มาเข้ากลุ่มฟื้นฟูบำบัดลูกอย่างถูกวิธี

          “พอเข้ากลุ่มรู้สึกดีที่เริ่มมีเพื่อน ช่วงแรกน้องร้องไห้กวนงอแง หลังพบกลุ่มน้องเริ่มคุ้นเคย อารมณ์ดีขึ้น พัฒนาการดีขึ้น จากนอนกับที่ก็สามารถจับสิ่งของได้นานๆ สามารถรับรู้ได้ ทำตามคำสั่งได้ ปรับตัวได้ ถ้าเรายอมรับได้เร็ว ลูกก็ได้รับการฟื้นฟูเร็ว จะบอกหลายคนเสมอว่า แม่อย่าปิดโอกาสตนเอง เราต้องเลือกเส้นทางชีวิตเพื่อลูก แล้วเราจะได้รับสิ่งดีๆ จากสิ่งที่เราเลือก ถึงลูกจะเกิดมาพิเศษกว่าเด็กคนอื่นๆ แต่การเลี้ยงดูไม่มีความแตกต่าง เราให้ทุกอย่างกับลูก ให้ความรัก การดูแลเอาใจใส่ ให้เวลาดูแลใกล้ชิด เปิดโอกาสให้ลูกเรียนรู้พัฒนา ให้กำลังใจลูก ทุกอย่างที่แม่มอบให้ ลูกเขารับรู้ได้ แล้วเขาจะต่อสู้ไปกับเรา เป็นพลังซึ่งกันและกันตลอดไป”

ช่วยตนเอง ช่วยผู้อื่น

          เมื่อมาเข้าร่วมกลุ่มแม่ติ๋วได้รับความรู้ในการดูแลลูกอย่างต่อเนื่อง หากมีโครงการหรือกิจกรรมดีๆ ที่มูลนิธิเพื่อเด็กพิการเชิญชวนเข้าอบรม แม่ติ๋วเข้าร่วมทุกครั้งที่มีโอกาส โดยหวังจะนำความรู้ที่ได้มาใช้ฟื้นฟูบำบัดลูก รวมถึงพัฒนาตนเองในการถ่ายทอดความรู้ ด้วยการเป็นวิทยากรเกี่ยวกับสวนบำบัดเด็กพิการ การฝึกการเคลื่อนไหวแบบญี่ปุ่น(โดสะโฮ) การนวดไทย การทำกายภาพบำบัด การจัดกิจกรรมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆ ในกลุ่มและเพื่อนต่างกลุ่มต่อไป

        “ยินดีและสมัครใจเป็นแกนนำของกลุ่มศูนย์ฟื้นฟูและพัฒนาเด็กพิการตำบลชะเมา ได้รับสิ่งดีๆ มากมาย รู้สึกตัวเองมีคุณค่า ทำให้มีกำลังใจในการสู้ชีวิต มีเพื่อนๆ ในกลุ่มอีกหลายคนที่เราต้องเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ช่วยเหลือเอื้ออาทร คิดปรับปรุงพัฒนากลุ่มโดยทุกคนมีส่วนร่วม”

เปิดโอกาสให้ลูกและตนเอง

        ความพิการของลูกไม่เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้ ทั้งสำหรับตัวแม่เอง และสำหรับลูกน้อย สองแม่ลูกจึงออกไปเรียนรู้โลกกว้างด้วยกันอยู่เสมอในโอกาสต่างๆ

        “อย่าปล่อยตามยถากรรม แล้วมาดูแลเขาตอนโตจะสายเกินแก้ ฟื้นฟูบำบัดยาก ในการเลี้ยงลูกอย่าเลี้ยงให้แตกต่างจากเด็กปกติ จากการเลี้ยงลูกมาเจ็ดปี อยากบอกให้ทุกคนเปิดโอกาสให้กับตนเองและลูกน้อย การเปิดโอกาสในที่นี่หมายถึง การที่ลูกได้มีโอกาสยืนอยู่ในสังคม ได้โดยได้รับการยอมรับจากคนภายนอก โอกาสที่ลูกต้องได้รับการฟื้นฟูเพื่ออนาคตข้างหน้า เพราะเราไม่รู้ว่าจะอยู่กับเขานานขนาดไหน ต้องเปิดโอกาสให้เขาได้เรียนรู้โลกภายนอก เพื่อการที่เขาจะได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข ตอนนี้รู้สึกตัวเองโชคดีที่เลือกการดูแลลูกแบบนี้ ลูกมีพัฒนาการดีขึ้นมาก สามารถออกสู่สังคมได้ นั่งได้ จูงเดินได้ มีปฏิกิริยาตอบสนอง”

        การได้ช่วยเหลือผู้อื่นยังนับเป็นยาใจขนานเอกสำหรับแม่ติ๋ว ทำให้เธอเข้มแข็งยิ่งขึ้น และมีหัวใจที่เปิดกว้างเปิดใจรับทุกโอกาสในการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ปัจจุบันแม่ติ๋วเป็นเลขากลุ่มศูนย์ฟื้นฟูและพัฒนาเด็กพิการตำบลชะเมา ร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาเด็กพิการในพื้นที่ และหารายได้เสริมด้วยการทำดอกไม้ดิน ดอกมะลิวันแม่ และดอกไม้จันทน์ส่งให้กับศูนย์ส่งเสริมอาชีพ ในวันนี้แม่ติ๋วมีบทสรุปของตนเองแล้วว่า รู้สึกมีความสุขและพึงพอใจในทุกสิ่งที่ได้เลือกแล้วเพื่อลูกที่เป็นแก้วตาดวงใจของแม่
ภาพจาก : https://www.lovecarestation.com


ย้อนกลับ