เกี่ยวกับเรา
20 ปี จากเลิดสิน… สู่ลาดพร้าว 47
โรงพยาบาลเลิดสิน ที่พักพิงแห่งแรก เด็กสมองพิการจำนวนมากที่ต้องใช้เวลานานในการฟื้นฟูบำบัดหลังจากการผ่าตัด ซึ่งเด็กเหล่านี้ต้องอยู่โรงพยาบาลตามลำพัง บ้างก็ขาดเรียน ขาดการกระตุ้นพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัยของเด็ก ต่างเป็นผลให้เด็กๆ ขาดการพัฒนาการทางด้านจิตใจ และร่างกาย เด็กบางคนเกิดการซึมเศร้า ท้อแท้ บ้างก็คอยผู้ปกครองด้วยความหวัง แต่ผู้ปกครองก็ไม่สามารถมาดูแลที่โรงพยาบาลได้ จากสภาพปัญหาต่างๆ ยิ่งเป็นผลให้เด็กสมองพิการเหล่านั้นยิ่งด้อยโอกาสในการพัฒนาทั้งด้านสังคม อารมณ์ จิตใจ และสติปัญญา ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับการฟื้นฟูทางร่างกายแล้วก็ตาม
คุณหมอประพจน์ เภตรากาศ และคณะเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในโรงพยาบาลเลิดสิน จึงได้ริเริ่ม “โครงการฟื้นฟูเด็กสมองพิการ” ในปี 2525 ซึ่งนับว่าเป็นก้าวแรกของการทำงานพัฒนาเด็กสมองพิการสังคมไทย โดยมุ่งเน้นในการพัฒนาฟื้นฟูที่ตัวเด็กพิการทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ควบคู่กันไป
ถึงแม้ว่าโครงการฟื้นฟูเด็กสมองพิการได้อยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลเลิดสิน นับตั้งแต่ปี 2525 ถึง ปี 2529 แต่ในการจัดการและการดำเนินงาน เป็นไปในรูปแบบกึ่งอาสาสมัคร ทั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฟื้นฟูฯ ไม่ได้อยู่ในระบบการทำงานของโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ศูนย์ฟื้นฟูฯ ส่วนมากเป็นผู้ที่สนใจ และศรัทธาต่อแนวคิดในการช่วยเหลือสังคมและการฟื้นฟูพัฒนาเด็กพิการทั้งร่างกาย และจิตใจไปพร้อมๆ กัน
ด้วยพลังศรัทธาของเจ้าหน้าที่และคณะกรรมการของศูนย์ฯ ทำให้การฟื้นฟูของศูนย์ฯ ดำเนินไปด้วยดีและด้วยการทำงานที่ขยันขันแข็งของเจ้าหน้าที่ ทำให้เด็กที่อยู่ในศูนย์ฯ มีการพัฒนาอย่างเด่นชัด ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้ปกครองมีความพึงพอใจขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็โยนภาระให้กับเจ้าหน้าที่มากขึ้น เจ้าหน้าที่ทำงานหนักมากเพราะจำนวนเด็กมีมาก แต่ข้อจำกัดด้านงบประมาณและสถานที่ จึงไม่สามารถขยับขยายหรือเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอกับปริมาณเด็กที่มีอยู่ในศูนย์ฯ และเป็นปัญหาที่ต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ต่อมาเมื่อมีการดำเนินงานอย่างจริงจัง และมีระบบการทำงานที่ดีขึ้น เพื่อความยั่งยืนในการช่วยเหลือเด็กสมองพิการ ดังนั้นศูนย์ฟื้นฟูเด็กพิการ จึงได้จัดตั้งเป็นมูลนิธิเพื่อเด็กพิการที่ถูกต้อง เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2529
ศูนย์การฟื้นฟูเด็กสมองพิการจึงนับว่าเป็นจุดก่อเกิดของมูลนิธิเพื่อเด็กพิการ โดยมีโรงพยาบาลเลิดสินเป็นผู้ที่ให้ที่พักพิงแก่พวกเรา เปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังแรกของเรา และหากไม่มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ งานด้านฟื้นฟูและพัฒนางานเด็กสมองพิการก็คงไม่พัฒนามาถึงวันนี้ได้
บ้านซอยน้อมจิต
บ้านซอยน้อมจิต เป็นบ้านหลังที่สองของเรา หลังจากที่ได้ย้ายมาจากโรงพยาบาลเลิดสิน ในปี 2529 และมีการจดทะเบียนเป็นมูลนิธิฯ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย นั่นย่อมหมายถึงเราได้มีสถานภาพทางสังคมอย่างถูกต้อง ในขณะเดียวกัน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนก็สามารถตรวจสอบเราได้เช่น จากโครงการเล็กๆ ได้พัฒนามาเป็นมูลนิธิฯ โดยมีโครงสร้างองค์กรที่ประกอบด้วยคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่มีการกำหนดทิศทางการทำงาน มีนโยบายและวัตถุประสงค์ขององค์กรอย่างชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องมีการทบทวนการทำงานที่ผ่านมา เพื่อที่มูลนิธิฯ จะได้ทำโครงการและกิจกรรมที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาและสถานการณ์ของเด็กพิการในสังคมไทย ดังนั้นในช่วงการดำเนินงานของบานซอยน้อมจิตจึงเป็นก้าวที่สองของมูลนิธิฯ ซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนการดำเนินงาน รวมถึงทิศทางการทำงาน ยุทธศาสตร์ วิธีการทำงานและกิจกรรมต่างๆ และในขณะเดียวกันได้มีการพัฒนาการจัดการองค์กร เพื่อให้เกิดการสนับสนุนการทำงานของมูลนิธิฯ อย่างแท้จริง
จากก้าวแรกของมูลนิธิฯ ที่มีศูนย์ฟื้นฟูเด็กสมองพิการโดยเน้นที่การฟื้นฟูพัฒนาการเรียนรู้และการให้บริการกายภาพบำบัดแก่เด็กเป็นรายกรณีตามลักษณะ และปัญหาของเด็กโดยตรง ซึ้งการให้บริการต่างๆเหล่านี้เป็นผลดีต่อเด็กโดยตรง ทำให้ผู้ปกครองจำนวนมากต้องการส่งเด็กมาที่ศูนย์ฯ ซึ่งเป็นผลให้มูลนิธิฯต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น และรับผิดชอบต่อเด็กมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ปกครองหลายเท่าก็ผลักภาระมาให้มูลนิธิฯโดยการส่งเด็กมาที่ศูนย์ฯและละทิ้งเด็กให้อยู่กับมูลนิธิฯซึ่งเป็นผลร้ายต่อจิตใจของเด็กเป็นอย่างยิ่ง และในขณะที่ทางมูลนิธิฯเองก็ไม่สามารถรับเด็กเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้ด้วยข้อจำกัดทางด้านงบประมาณและจำนวนเจ้าหน้าที่ เมื่อมูลนิธิฯต้องมีงานมากขึ้น ทั้งมูลนิธิฯ และเจ้าหน้าที่จึงต้องเป็นฝ่ายตั้งรับต่อปัญหาเด็กพิการ ซึ่งเป็นผลให้การทำงานในการสร้างสำนึกและทัศนคติที่ดีต่อเด็กพิการ ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายประสงค์เท่าที่ควร ดังนั้นมูลนิธิฯจึงได้มีการปรับทิศทางการทำงาน เพื่อให้เกิดการส่งเสริมการสร้างสำนึกและทัศนคติของสังคมที่ถูกต้องต่อเด็กพิการ โดยได้หันมาให้ความสำคัญต่อครอบครัวและชุมชนในการฟื้นฟูเด็กพิการ และในขณะเดียวกันได้มีการทำงานรณรงค์เผยแพร่มากขึ้น นอกจากนั้นได้มีการพัฒนาโครงการฟื้นฟูเด็กพิการโดยชุมชน ที่อำเภอบัวใหญ่จังหวัดนครราชสี่มา โดยได้มีการทำงานร่วมกับโรงพยาบาลชุมชนและหน่วยงานของรัฐอย่างจริงจัง จากรูปธรรมและบทเรียนจากโครงการที่บัวใหญ่ ได้ส่งผลต่อการรณรงค์เผยแพร่ต่อสังคมในการสร้างความเข้าใจต่อปัญหาเด็กพิการในระดับกว้างได้เป็นอย่างดีขณะเดียวกันก็ได้มีการขยายโครงการไปในพื้นที่อื่น โดยได้นำบทเรียนจากโครงการบัวใหญ่ไปปรับใช้ในโครงการอื่น นอกจากนั้นได้มีการจัดปรับการทำงานของศูนย์ฯเพื่อให้สอดคล้องต่อสถานการณ์มากขึ้น โดยได้มีการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อการส่งต่อเด็กพิการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบโดยตรง เป็นผลให้มูลนิธิฯได้ทำงานเชิงรุกมากขึ้น เช่น การฝึกอบรมให้ผู้ปกครองได้ทำกายภาพบำบัดให้แก่เด็กของตนเอง และมีส่วนร่วมในความรับผิดชอบของครอบครัวมากขึ้น นอกจากนั้นผลจากการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทำให้เกิดกิจกรรมร่วมกับองค์กรด้านเด็กพิการอื่นๆ ได้แก่การจัดแสดง “ศิลปะเพื่อเด็กพิการ”ปี พ.ศ. 2531 เป็นครั้งแรก ซึ้งได้รับความสนใจจากภาครัฐและสาธารณชนเป็นอย่างมาก และได้มีการดำเนินงานกันต่อมากอีกหลายครั้ง นอกจากนั้นก็ได้มีการจัด “ค่ายเยาวชนคนพิการ”ร่วมกับองค์กรด้านความพิการต่างๆซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กพิการเอง และได้เปิดช่องทางใหม่ให้สังคมได้รับรู้ถึงศักยภาพของเด็กพิการอีกด้วย
จากการทำงานด้านเผยแพร่และรณรงค์มากขึ้น มูลนิธิฯพบว่า เมื่อสังคมเข้าใจปัญหาด้านเด็กพิการมากขึ้น การสนับสนุนการทำงานด้านพัฒนาฟื้นฟูเด็กพิการก็มีมากขึ้น ดัง นั้นจึงมีการสนับสนุนทั้งด้านงบประมาณและสิ่งของจากสังคมมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งนับว่าเป็นการพัฒนาการระดมทุนภายในสังคมไทยในระดับที่กว้างขึ้น
ในขณะที่มีการจัดปรับทิศทางและการดำเนินงานของมูลนิธิฯ ภายในองค์กรเองก็ได้มีการปรับโครงสร้าง และบทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้สอดคล้องกับงาน และเป็นการให้การสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้บรรลุตามเป้าประสงค์ นอกจากนั้นได้มีการพัฒนาระบบการทำงานภายในของเจ้าหน้าที่ ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมศักยภาพและสวัสดิการของเจ้าหน้าที่
เมื่อการทำงานของมูลนิธิฯได้ขยายมากขึ้น ความสนใจและการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ และจากสาธารณะก็มีมากขึ้น ยิ่งเป็นผลทำให้มูลนิธิฯ ต้องคิดค้นและแสวงหาแนวทางใหม่ เพื่อทำงานด้านเด็กพิการได้รอบด้านมากขึ้น อย่างน้อยก็เพื่อให้เกิดประโยชน์ และองค์ความรู้ใหม่ในการแก้ไขปัญหาด้านเด็กพิการให้มีประสิทธิภาพ
ดังนั้นเมื่องานขยาย คนทำงานมีมากขึ้น เด็กที่มารับบริการก็มีเพิ่มขึ้นสถานที่ที่เคยใหญ่โตและสามารถรองรับงานต่างๆได้ก็กลับเล็กลง จึงถึงเวลาที่จะขยับขยายกันอีกครั้ง
ในปี 2531 เราได้ย้ายมาสู่บ้านหลังที่ 3 ที่ซอยลาดพร้าว 87 ที่ใหญ่ขึ้นและมีบริเวณให้เด็กและผู้ปกครองได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ในขณะเดียวกันโครงการต่างๆ ก็ถูกพัฒนาขึ้นอีกหลายโครงการ เพื่อรองรับแนวคิดและทิศทางใหม่ๆ พัฒนาพื้นฟูเด็กสมองพิการ

งานฟื้นฟูเด็กพิการโดยชุมชน (CBR) ของมูลนิธิฯได้รับการยกย่องว่าเป็นโครงการที่เหมาะสมและมีประสิทธิผลมากจากประสบการณ์งาน CBR ในพื้นที่ จึงได้นำมารณรงค์เผยแพร่ต่อสังคมวงกว้างและในเชิงนะโยบาย นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้เอาประสบการณ์ CBR ในชนบทมาริเริ่มโครงการ CBR ในชุมชนเมือง โดยปรับรูปแบบใหม่ให้เข้ากับงานในชุมชนเมืองในขณะเดียวกันก็ได้พัฒนาหารูปแบบที่เหมาะสมต่อการส่งเด็กคือสู่ครอบครัวเมื่อมูลนิธิฯ ไม่สามารถรับเด็กประจำพักค้างที่มูลนิธิฯได้ การคิดค้นงานด้านส่งเสริมศักยภาพครอบครัวเพื่อรองรับเด็กพิการ เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นมูลนิธิฯจึงได้มีการจัดอบรมผู้ปกครองเด็กพิการ อย่างสม่ำเสมอทั้งทางด้านฟื้นฟูกายภาพบำบัด การฟื้นฟูด้านอารมณ์ จิตใจของเด็กโดยทำความเข้าใจต่อผู้ปกครองในเรื่องสภาพความเป็นจริงของเด็กพิการ ในขณะเดี่ยวกันก็มีการสนับสนุนกิจกรรมโครงการดนตรีเพื่อคนพิการ (Asia Wataboshi Music Festival) ซึ่งเป็นการประสานงานกับต่างประเทศในระดับสากลมากขึ้น โดยมีการคัดเลือกคนพิการที่มีความสามารถด้านดนตรีไปร่วมในงาน Wataboshi ซึ่งในปี 2540 มูลนิธิฯ ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดโดยมีผู้เข้าร่วมจาก 15 ประเทศ ได้รับความสนใจทั้งสื่อมวลชนในและต่างประเทศอย่างมาก โครงการนี้ก็ทำกันอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้
นอกจากนั้น มูลนิธิฯ ยังได้รับการสนับสนุนจากโครงการทอผ้า Saori ซึ่งเป็นโครงการที่ส่งเสริมให้ผู้ปกครองของเด็กพิการได้ร่วมโครงการทอผ้า เพื่อเป็นกิจกรรมร่วมกันและเป็นการคลายความเครียดของร่างกายและจิตใจ โดยผู้ปกครองเด็กพิการได้เข้าร่วม และมีการดำเนินงานกันอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
จากงานค่ายเยาวชนคนพิการ ได้มีการพัฒนามาสู่การจัดค่ายเด็กพิการ โดยมูลนิธิฯ ได้ซื้อที่ดิน จ.ฉะเชิงเทราเพื่อทำเป็นค่ายเอนกประสงค์ ที่สามารถให้บริการทั้งคนพิการและบุคคลทั่วไป ซึ่งการดำเนินงานของ ค่ายห้วยน้ำใสนี้ เป็นอิสระจากมูลนิธิฯ และเป็นโครงการร่วมกับมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็กค่ายห้วยน้ำใส ได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และให้บริการแก่หน่วยงาน ผู้ที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาเด็กและเยาวชน

เมื่อมูลนิธิฯ ได้ทำงานและมีผลงานออกสู่สาธารณชนมากขึ้น และเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานที่ทำงานด้านเด็กพิการรวมถึงองค์กรพัฒนาเอกชนต่างๆ และองค์กรสนับสนุนและในขณะเดียวกันงานด้านเด็กพิการก็มีความท้าทายมากขึ้นเช่นเดี่ยวกันการดำเนินงานข้องมูลนิธิฯ จึงได้มีการปรับตัวให้เข้ากับปัญหาและสถานการณ์มากขึ้นเช่นกันโดยเฉพาะงานฟื้นฟูเด็กพิการโดยชุมชนที่ได้ขยายงานไปยังภาคใต้โดยมีโครงการที่นครศรีธรรมราช งานส่งเสริมศักยภาพครอบครัว โดยมูลนิธิฯ ได้ตระหนักถึงศักยภาพและพลังของครอบครัวคนพิการ ในการร่วมตัวเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาลูกหลานตนเองนอกจากนั้นยังเน้นการรณรงค์ส่งเสริม โดยเฉพาะทางด้านการพลักดันด้านกฎหมาย เพื่อประโยชน์ต่อเด็กพิการ
จากประสบการณ์ 20 ปีของมูลนิธิฯ เราได้พัฒนาการทิศทางและแนวทางงานตลอดเวลา จากการพัฒนาฟื้นฟูเด็กพิการโดยเน้นที่เด็กพิการเป็นหลักเมือเด็กได้รับการพัฒนาแล้วกลับสู่สังคมและครอบครัวที่ยังมาเข้าใจปัญหาก็ทำให้การพัฒนาเด็กพิการกลับถ้อยหลังหรือหยุดอยู่กับที่ ดังนั้นมูลนิธิฯ จึงได้มีการส่งเสริมพัฒนาการศักยภาพครอบครัว เพื่อการกลับสู่ครอบครัวเด็กพิการ เพื่อให้ครอบครัวเป็นผู้ทำหน้าที่ในการฟื้นฟูเด็กต่อไปโดยมีการจัดกิจกรรมการอบรม พ่อแม่มือใหม่และกลุ่มนันทนาการเด็ก หรือที่เราเรียกว่า “สโมสรหอยทากปูลม” ซึ่งกลายเป็นโรงเรียนผู้ปกครองในการเพิ่มศักยภาพของตนเองในการดูแลเด็กพิการ ต่อไป

มูลนิธิฯ ไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้เพราะมูลนิธิฯ ได้ตระหนักถึงพลังของผู้ปกครองเป็นสำคัญ เมื่อผู้ปกครองได้ร่วมกันทำกิจกรรมและมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ มีการช่วยเหลือกันมีการรวมกลุ่มเป็นชมรมผู้ปกครองเด็กพิการ และได้พัฒนาเป็นเครือข่ายขยายไปยังกลุ่มผู้ปกครองอื่นๆ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเป็นเวลา 32 ปี ดูเหมือนยาวนานเหลือเกิน และเราได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มาอย่างมากมาย มีทั้ง ทุกข์ สุข ท้อแท้ สมหวัง ล้วนทำให้มูลนิธิฯมีความมั่นใจในทิศทางการทำงานของมูลนิธิฯมากขึ้น เพื่อการดำเนินงานในการพัฒนาเด็กพิการต่อไป
วิสัยทัศน์ (Vision)
มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กพิการ โดยครอบครัว ชุมชน และภาคีเครือข่าย
เป้าประสงค์
- เด็กพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ครอบครัวเด็กพิการและชุมชนมีความเข้มแข็ง มีพลังในการฟื้นฟูเด็กพิการ
วัตถุประสงค์
- ให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเด็กพิการโดยทั่วไป ให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขตามสมควร เช่นเดียวกันหรือใกล้เคียงกับเด็กปกติ
- ให้การศึกษาแก่ชุมชนและบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาความพิการการช่วยเหลือฟื้นฟูเด็กพิการและการมีทัศนคติที่ดีต่อคนพิการ
- สนับสนุนให้มีและดำเนินการศึกษาวิจัยและรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูเด็กพิการ ฐานแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ เพื่อหารูปแบบและกลวิธีที่เหมาะสมในการดำเนินงานของโครงการและให้บริการข้อมูลแก่ผู้สนใจค้นคว้าโดยทั่วไป
- ส่งเสริมและสนับสนุนให้ครอบครัวในชุมชนมีความมั่นคงและอบอุ่น มีสมรรถภาพเพียงพอที่จะป้องกันหรือฟื้นฟูความพิการของเด็ก สามารถเลี้ยงดูเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กพิการ ซึ่งต้องมีภาระต่อเด็กมากเป็นพิเศษ
- เผยแพร่งานด้านการพัฒนาสังคม พัฒนาคน โดยเฉพาะเด็กพิการ ผ่านสื่อสารมวลชน
- ดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือร่วมมือกับองค์การการกุศลอื่นๆเพื่อสาธารณประโยชน์
- เพื่อศึกษา วิจัย พัฒนา เผยแพร่ อบรม ความรู้ด้านสุขภาพ สาธารณสุข การแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกอื่น ๆ ให้กับประชาชน ผู้สนใจและผู้ที่มีความพิการ เพื่อใช้ในการดูแลสุขภาพ และประกอบสัมมาชีพ
ยุทธศาสตร์มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ 5 ปี (2560-2564)
วิสัยทัศน์
มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กพิการ โดยครอบครัว ชุมชน และภาคีเครือข่าย
ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนงาน
1. การพัฒนาและเผยแพร่องค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านเด็กพิการที่เหมาะสม
ยุทธศาสตร์นี้เน้นในด้านการพัฒนา จัดการองค์ความรู้ทำให้เป็นระบบง่ายต่อการเข้าใจ และเผยแพร่องค์ความรู้ต่อสังคม เพื่อให้องค์ความรู้เหล่านั้นมีประโยชน์ต่อเด็กพิการ ครอบครัว ชุมชนและสังคมอย่างแท้จริง
2. การพัฒนาขับเคลื่อนหน่วยร่วมบริการด้านเด็กพิการโดยครอบครัว ชุมชน และองค์กรที่เกี่ยวข้อง
เน้นในการสร้างรูปแบบ ระบบ และกลไกการบริการฟื้นฟูเด็กพิการโดยให้ครอบครัวและชุมชนเป็นหัวใจหลักซึ่งอาจสามารถเชื่อมโยงกับกลไก กฎหมาย ระเบียบของรัฐที่มีอยู่มาใช้ในการดำเนินการ และคาดหวังว่ารูปแบบ ระบบ กลไกที่ได้พัฒนาขึ้นจะสามารถประยุกต์ใช้ในพื้นที่อื่นๆในสังคมไทยได้ต่อไป
3. การเสริมความเข้มแข็งและการทำงานโดยเครือข่าย
เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนงานที่มีประสิทธิภาพในแบบเครือข่าย เน้นการสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรชุมชน และภาคประชาสังคม รวมถึงส่งเสริมแนวคิดชนะ-ชนะ (Win-Win) ในการทำงาน
4. การพัฒนาบุคลากรและองค์กรให้ทำงานอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
มุ่งสร้างความเข้มแข็ง การทำงานอย่างมีประสิทธิผล การพึ่งตนเองได้ในระยะยาวขององค์กรด้านทรัพยากร รวมถึงการพัฒนาแรงบันดาลใจ ทัศนคติ และทักษะในการทำงานของบุคลากรของมูลนิธิเพื่อเด็กพิการ
ยุทธศาสตร์ที่ 1
การพัฒนาและเผยแพร่องค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านเด็กพิการที่เหมาะสม
วัตถุประสงค์
1. เพื่อพัฒนานวัตกรรมและการจัดการองค์ความรู้ในการพึ่งตนเองด้านเด็กพิการ
ตัวชี้วัด
1.1 นวัตกรรมศาสตร์การฟื้นฟูแบบบูรณาการได้รับการพัฒนาและเผยแพร่ อย่างน้อย 3เรื่อง/ 3 ปี
2. เพื่อเผยแพร่นวัตกรรมองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อเด็กพิการ ครอบครัว และชุมชน
ตัวชี้วัด
2.1มีสื่อที่ใช้เผยแพร่ความรู้อย่างน้อย 6ช่องทาง1) Website 2) Youtube, 3) บทความ 4) หนังสือ 5) CD 6) ชุดนิทรรศการ (ชุดความรู้สำเร็จรูป)
2.2.เกิดแกนนำที่สามารถถ่ายทอดความรู้ด้านการฟื้นฟูเด็กพิการอย่างน้อย 50 คน/ 3 ปี
2.3.มีสื่อสาธารณะเผยแพร่องค์ความรู้/ นวัตกรรม 10-15 รายการ/ 3 ปี
ยุทธศาสตร์ที่ 2
การพัฒนาขับเคลื่อนหน่วยร่วมบริการด้านเด็กพิการโดยครอบครัว ชุมชน
วัตถุประสงค์
1.เสริมสร้างและพัฒนารูปแบบระบบ กลไก หน่วยร่วมจัดบริการการฟื้นฟูเด็กพิการโดยครอบครัว ชุมชน องค์กรที่เกี่ยวข้อง
ตัวชี้วัด
1.1.มูลนิธิเพื่อเด็กพิการเป็นหน่วยร่วมบริการต้นแบบที่ได้รับมาตรฐาน 2 พื้นที่ ได้แก่ ที่ ก.ท.ม.และนครศรีธรรมราช
1.2.หน่วยงานที่รับผิดชอบให้การยอมรับและรับรองหน่วยร่วมบริการ
2. เพื่อขยายหน่วยร่วมจัดบริการในพื้นที่ต่างๆ
ตัวชี้วัด
2.1 มีหน่วยร่วมบริการต้นแบบที่ได้มาตรฐาน 4 หน่วย/ 3 ปี
ยุทธศาสตร์ที่ 3
การเสริมความเข้มแข็งและการทำงานโดยเครือข่าย
วัตถุประสงค์
1.เสริมสร้างศักยภาพและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็กพิการของภาคีเครือข่าย
ตัวชี้วัด
1.1 องค์กรภาคีเครือข่ายด้านเด็กพิการมีศักยภาพพัฒนาเด็กพิการได้ด้วยตัวเอง อย่างน้อย 6 กลุ่ม/องค์กร (รัฐ,ผ.ป.ค.)
2. เพื่อประสานกับภาคีเครือข่าย ผลักดันให้เด็กพิการ เด็กชาติพันธุ์สามารถเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการ
ตัวชี้วัด
2.1 เครือข่ายองค์กรภาคีด้านเด็กพิการ อย่างน้อย 2 เครือข่าย (40 องค์กร) ร่วมมือกันผลักดันให้เด็กพิการ เด็กชาติพันธุ์ เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการ
2.2 เครือข่ายองค์กรระดับชาติ 4 ภูมิภาค และเครือข่ายองค์กรระดับภูมิภาค ได้รับการยกระดับ (งาน CBR)
3. เสริมสร้างศักยภาพ งานอาสาบุคคลทั่วไป และยกระดับกลุ่มผู้ปกครอง
ตัวชี้วัด
3.1 เสริมสร้างศักยภาพ งานอาสาบุคคลทั่วไป และยกระดับกลุ่มผู้ปกครอง
ยุทธศาสตร์ที่ 4
การพัฒนาบุคลากรและองค์กรให้ทำงานอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้องค์กรมีความเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ในระยะยาว
ตัวชี้วัด
1.1 มีงบประมาณเพียงพอในการดำเนินงานโดยรายรับทั้งหมด แบ่งเป็นเงินบริจาคทั่วไป 70% เงินทุนโครงการ 30%
1.2 โครงการธุรกิจเพื่อสังคม มีรายรับ 1 ล้านบาท/ปี
1.3 งานจิตอาสาเพื่อสนับสนุนกิจกรรมมูลนิธิฯลดค่าใช้จ่าย 5% จากงบประมาณรายจ่าย
2..เสริมสร้างศักยภาพบุคลากรในการทำงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร
ตัวชี้วัด
2.1 บุคลากรสามารถทำงานตามแผนให้บรรลุวัตถุประสงค์ อย่างน้อย 80%
3.เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์องค์กร สู่สาธารณะ
ตัวชี้วัด
3.1 มีสมาชิก fanpage อย่างน้อยรวม 1 แสนคน/ ปี
3.2 มีสื่อสาธารณะเผยแพร่งานองค์กร จำนวน 20 รายการ/ปี
คุณค่าร่วมขององค์กร (Core Value)
ค่านิยมสำคัญขององค์กรที่เจ้าหน้าที่ ผู้บริหารจะร่วมยึดถือปฏิบัติร่วมกันได้แก่ “CLICK” อันประกอบไปด้วย
C = Confidence คนทำงานและองค์กรต้องมีความเชื่อมั่นในศักยภาพเด็กและครอบครัว
L = Loving Kindness ความรัก และเข้าใจต่อเพื่อนมนุษย์ ต่อเด็กพิการและครอบครัว มีความเมตตา เสียสละ และทุ่มเทเพื่อสังคม เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิเพื่อเด็กพิการทุกคนจะต้องเป็นคนที่มีความเมตตา กรุณา ต่อเด็กพิการ พร้อมเสียสละและมุ่งมั่นทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจเพื่อการพัฒนาเด็กพิการในสังคม
I = Involvement การมีส่วนร่วม ในการฟื้นฟูและพัฒนาเด็กพิการนั้นจะสำเร็จได้เป็นอย่างดีหากทุกคนให้ความสำคัญของการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งเด็กพิการ ครอบครัว เจ้าหน้าที่ คณะกรรมการมูลนิธิ และภาคีเครือข่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มีความเชื่อมั่นในการทำงานแบบภาคีหุ้นส่วน
C= Commitment ปณิธานความมุ่งมั่น ความทุ่มเทที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการ
K= Keenness ความกระตือรือร้น จดจ่อที่จะผลักดันงานให้ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิผล และประสิทธิภาพตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ
ศูนย์บริการคนพิการทั่วไป มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ
ศูนย์บริการคนพิการ มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ ใบอนุญาตเลขที่ 001/2558 ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 ดำเนินงานโดยภายใต้ มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ โดยวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ สวัสดิการ และความช่วยเหลือแก่ เด็กพิการ, คนพิการ และผู้ดูแลคนพิการ ตามประเภทความพิการทางด้านร่างกายหรือการเคลื่อนไหว รวมทั้งการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพสำหรับเด็กสมองพิการโดยผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ตลอดจนเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนครอบครัวและชุมชนให้สามารถฟื้นฟูเด็กพิการได้ด้วยตนเอง ซึ่งได้มีการดำเนินการตามภารกิจของศูนย์บริการคนพิการ มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมาจนปัจจุบัน
เปิดให้บริการ ทุกวันจันทร์ และ วันอังคาร ของสัปดาห์ (2 วันต่อสัปดาห์)
ตั้งแต่เวลา 8.30 – 16.00 น. โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น (ฟรี)
กิจกรรมให้บริการ ประกอบด้วย 6 ชุดกิจกรรม (ชุดกิจกรรมละ 60 นาที) ได้แก่
1) การฝึกกล้ามเนื้อมัดใหญ่-มัดเล็ก (รายบุคคล)
2) การนวดไทยเพื่อบำบัดและฟื้นฟูเด็กพิการ (รายบุคคล)
3) การฝึกการเคลื่อนไหว (รายบุคคล)
4) การเสริมสร้างพัฒนาการ – การกระตุ้นพัฒนาการ (รายกลุ่ม)
5) การพัฒนาสู่สุขภาวะ – สวนบำบัด (รายกลุ่ม)
6) การเสริมสร้างพัฒนาการ – ดนตรีเข้าจังหวะเพื่อกระตุ้นพัฒนาการ (รายกลุ่ม)
หมายเหตุ : การให้บริการอยู่ภายใต้คณะกรรมการประเมินศักยภาพคนพิการ ประจำปี 2562 ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
ชมรมผู้ปกครองเด็กพิการ เป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ ทะเบียนเลขที่ 2383 ก่อตั้งขึ้นเมื่อ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2544 มีเป้าหมายให้ลูกได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพได้เต็มตามศักยภาพของเด็กและผู้ปกครอง และได้มีโอกาสในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และทำความเข้าใจในความพิการของลูก ตลอดจนเรียนรู้ประสบการณ์ร่วมกัน เสริมสร้างกำลังใจซึ่งกันและกัน โดยการดำเนินงานภายใต้ชื่อกลุ่ม “ศูนย์เรียนรู้ฟื้นฟูเด็กพิการโดยครอบครัว” ปัจจุบัน ได้เปิดดำเนินกิจกรรมทั้งสิ้น 8 ศูนย์ ใน 8 พื้นที่
วัตถุประสงค์ของชมรมผู้ปกครองเด็กพิการ
- เสริมสร้างกำลังใจ และความเข้มแข็งของครอบครัวเด็กพิการ
- เสริมสร้าง ทักษะผู้ปกครอง และครอบครัวในการเลี้ยงดูฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการได้ ด้วยตนเอง
- ส่งเสริมการฟื้นฟูสมรรถภาพและพัฒนาเด็กพิการทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและการเรียนรู้
- คิด ค้น พัฒนารูปแบบสวัสดิการครอบครัว เพื่อการพึ่งตนเองของครอบครัวเด็กพิการ
- สร้างเสริม พัฒนารูปแบบเครือข่ายครอบครัวเด็กพิการ และเชื่อมโยงภาคีอื่นๆ
เป้าหมาย
เพื่อครอบครัวเด็กพิการมีความสุข พึ่งตัวเองได้ มีสุขภาวะที่ดี สังคมให้การยอมรับมีระบบบริการ ที่เหมาะสมรองรับและได้รับการสนับสนุนโดยภาครัฐ หรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง
คณะกรรมการ ชมรมผู้ปกครองเด็กพิการ
- นายอดิศักดิ์ รอดสุวรรณ ประธานชมรม
- นายเผด็จ มหาตมวดี รองประธาน
- นางแสงเพลิน จารุสาร เลขานุการ
- นางสร้อยพัชร เอมสุวรรณ์ เหรัญญิก
- นางอมรวรรณ บริรักษ์ กรรมการ
- นางสาวนิสสัย ผาสุข กรรมการ
- นางอรุณรุ่ง อาชวเมธ๊ กรรมการ
- นายสุนทร สถาพร กรรมการ
- นางหนูค่ำ บุญสวน กรรมการ
- นางจารึก ศรีทอง กรรมการ
ศูนย์เรียนรู้ฟื้นฟูเด็กพิการโดยครอบครัว ที่ดำเนินโครงการตามพื้นที่ต่างๆ
สมาคมศูนย์การเรียนรู้ฟื้นฟูคนพิการโดยครอบครัว (แม่ปาล์ม)
ที่ตั้ง : 49/113ม.สุดใจวิลเลจ2 แขวงลำผักชี ข.หนองจอก กรุงเทพมหานคร 10530
หัวหน้าศูนย์ : คุณหนูค่ำ บุญสวน
โทร.093-8566036
อีเมล์ : [email protected]
เปิด : ทุกวัน (จันทร์-ศุกร์ ครูมาสอน) (เสาร์-อาทิตย์ จิตอาสามาช่วยดูแลเด็ก)
ชมรมศูนย์เตรียมความพร้อมทักษะการดำรงชีวิตครอบครัวเด็กพิการ (แม่รุ่ง)
ที่ตั้ง : 320/95 หมู่บ้านบุษรา ถ.มาเจริญ ชอยเพชรเกษม 81 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร 10160
หัวหน้าศูนย์ : คุณรุ่งอรุณ ศรีวิชัย
โทร.02 001 6701
เปิด : ทุกวันจันทร์ (สำหรับเด็กเล็ก)-อังคาร(สำหรับเด็กโต)-พฤหัสบดี(กิจกรรมว่ายน้ำ)
ศูนย์เรียนรู้ ฟื้นฟูเด็กพิการโดยครอบครัว พื้นที่สะพานสูง (คุณแม่สร้อยเพชร)
ที่ตั้ง : ห้องเรียนเด็กพิการในสวน ตู้สีฟ้า ซ.นักกีฬาแหลมทอง3 กรุงเทพมหานคร 10250
หัวหน้าศูนย์ : คุณสร้อยเพชร เอมสุวรรณ์
เบอร์โทร.089 175 5336
อีเมล์ : [email protected]
เปิด : วันจันทร์ – ศุกร์ (หยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์)
ชมรมเรียนรู้ฟื้นฟูเด็กพิการโดยครอบครัว บางแค (แม่เพลิน)
ที่ตั้ง : 275 ถนนพุทธมนฑลสาย 2 ซอย 7 แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพมหานคร 10160
หัวหน้าศูนย์ : นางแสงเพลิน จารุสาร
เบอร์โทร.086-9065223
อีเมลล์ : [email protected]
เปิด : ทุกวันพุธ
ศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ เขตบึงกุ่ม
ที่ตั้ง : 23/96 ซ.นวมินทร์161 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร
หัวหน้าศูนย์ : นางขวัญประชา พลทวี
โทร : 098-2729496
อีเมลล์ : [email protected]
เปิด : ทุกวันเสาร์ (แน่นการออกสถานที่ เรียนรู้สังคมภายนอก โดยเรียนรู้สู่โลกกว้างเป็นหลัก)
ศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ เขตบางพลัด
ที่ตั้ง : 647 ถ.จรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700
หัวหน้าศูนย์ : คุณฐิตินันท์ สรรพกิจ (แม่เก่ง)
โทร : 081-1776462
อีเมลล์ : [email protected]
เปิด : ทุกวันอังคาร
ศูนย์การเรียนรู้และฟื้นฟูเด็กพิการโดยครอบครัว เขตวังทองหลาง
ที่ตั้ง : มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ 546 ซ.ลาดพร้าว 47 แขวงสะพานสอง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310
หัวหน้าศูนย์ : คุณทัศนี สิงค์ทอง
โทร : 085-4432183
อีเมลล์ : [email protected]
เปิด : ทุกวันพฤหัสบดี
ศูนย์การเรียนรู้ฟื้นฟูเด็กพิการโดยครอบครัว เขตพื้นที่บางนา
ที่ตั้ง : ศูนย์บริการสาธารณสุข 8 (บุญรอด รุ่งเรือง) เลขที่ 119 ซ.อุดมสุข 18 ถ.สุขุมวิท 103 แขวงบางนา
เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10310
หัวหน้าศูนย์ : คุณอมรวรรณ บริรักษ์
โทร : 095-9231979
อีเมล์ : ไม่มี
เปิด : เน้นลงเยี่ยมบ้าน (วันมีเคสเยี่ยมบ้าน)
ใบรับรองมาตรฐานองค์กรด้านคนพิการ (ออกให้ ณ วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๒)

ใบรับรองมาตรฐานองค์กรด้านคนพิการ
ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน
ใบสำคัญแสดงการรับรองเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์
ใบอนุญาตจัดตั้งศูนย์บริการทั่วไป
รายชื่อคณะกรรมการดำเนินการศูนย์บริการ
ร่างข้อบังคับศูนย์บริการคนพิการ มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ
คำสั่ง ศูนย์บริการ มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ
ระเบียบสิทธิประโยชน์ของผู้รับบริการ
แบบฟอร์มขอความยินยอมจากผู้รับบริการ
ใบอนุญาตจัดตั้งสมาคมหรือองค์การ
บัญชีมูลนิธิหรือหนังสือให้อำนาจจัดตั้ง เปลี่ยนแปลงมูลนิธิ
หนังสือรับรอง การเป็นองค์เอกชนด้านสิทธิมนุษยชน
หนังสือการประกาศกำหนดให้มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล
ม.น.๔ แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ๓ มกราคม ๒๕๖๓
ตราสาร ฉบับ๓ พ.ศ.๒๕๕๖
สถาบันการนวดไทย มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ
แผ่นพับมูลนิธิฯ